TH | EN





ชสอ. มอบกระเช้าแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสครบรอบ 39 ปี วันก่อตั้ง สหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการสรรพากร จำกัด

        ดร.สมนึก บุญใหญ่ ผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย นางอัจฉรา ภักดีณรงค์ รองผู้จัดการใหญ่สำนักบริหารงาน ร่วมพิธีสงฆ์และมอบกระเช้าแสดงความยินดีกับ นายสมชาย ชมสุวรรณ ผู้จัดการ สหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการสรรพากร จำกัด เนื่องในโอกาสครบรอบ 39 ปี วันก่อตั้ง วันที่ 9 ธันวาคม 2562 ณ สำนักงานสหกรณ์ฯ พญาไท กรุงเทพฯ
 
        สหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการสรรพากร จำกัด ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ ณ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2523 สำนักงานตั้งอยู่ ณ กรมสรรพากร แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (ต่อมาอาคารกรมสรรพากรได้ถูกไฟไหม้ จากเหตุจราจลในระหว่างวันที่ 17 – 20 พฤษภาคม 2535 ) โดยมีนายเหลือ สงวนพงษ์ รองอธิบดีกรมสรรพากรได้รับมอบหมายจากอธิบดีให้ทำหน้าที่บริหารจัดการสหกรณ์ฯ และนางวลี ศรีกมล เป็นผู้จัดการสหกรณ์ท่านแรก มีที่ทำการอยู่ที่สำนักงานเลขานุการกรมสรรพากร ซึ่งต่อมาผู้บริหารสหกรณ์ จะเป็นรองอธิบดีที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดี จนในปี 2535 จึงได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเป็นผู้บริหารสหกรณ์ ส่วนผู้จัดการสหกรณ์ก็จะแต่งตั้งจากอดีตข้าราชการ จนมาในปี พ.ศ.2546 คณะกรรมการได้เปลี่ยนแปลงการแต่งผู้จัดการโดยการรับสมัครบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นผู้จัดการเพื่อประสงค์ให้มีความชำนาญในด้านการบริหารการเงินอย่างแท้จริง
 
       ในระยะแรกของการดำเนินการผู้ที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการสหกรณ์ฯ จะเป็นข้าราชการของสำนักงานเลขานุการกรมสรรพากร คือนางกาญจนา เหลืองบริบูรณ์ และนางรสสุคนธ์ ตะเพียนทองรับผิดชอบด้านทะเบียนสมาชิกและการพิจารณาเกี่ยวกับสัญญาเงินกู้ยืม นางสาวนิภา สุทธิวงศ์ รับผิดชอบด้านบัญชีรวมทั้งการปิดงบบัญชี การจัดการประชุม การติดต่อประสานงานกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยนางสาวพูนศรี ปรีชาพานิช ผู้อำนวยการกองคลัง เป็นเหรัญญิกโดยตำแหน่ง นางสาวทิพรัตน์ ท่าจีน รับผิดชอบด้านการหักเงินเดือนของสมาชิกนำส่งสหกรณ์ฯ ซึ่งการทำงานเป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือช่วยในการจัดทำข้อมูลใดๆเช่น การหักเงินเดือนทั้งทุนเรือนหุ้นและการนำส่งเงินกู้ยืม รวมทั้งต้องเสี่ยงต่อการนำส่งเงินที่เป็นเงินสดจนมีเหตุการณ์ถูกคนร้ายชิงเงินในขณะนำส่ง ทั้งเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันทำงานก็มิได้รับค่าตอบแทนแต่ประการใด จนในปี พ.ศ.2529 สหกรณ์ฯได้มีการรับเจ้าหน้าที่สหกรณ์ โดยมีนางอัญชลี ขำนาค ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ(บัญชี) เป็นเจ้าหน้าที่คนแรก และก็รับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามความเจริญเติบโตของสหกรณ์ฯ
 
       หลังจากได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณออมทรัพย์ข้าราชการกรมสรรพากรแล้ว ก็ได้มีการเชิญชวนให้ข้าราชการของกรมสรรพากรซึ่งอยู่ในกรมสรรพากร (เฉพาะส่วนกลาง) เข้าเป็นสมาชิก โดยยังมิได้เปิดรับสมัครสมาชิกที่อยู่ในต่างจังหวัด การนำส่งเงินทุนเรือนหุ้นจะหักจากเงินเดือนของสมาชิก ในอัตราเดือนละ 50 บาท 70 บาท แต่ไม่เกิน 100 บาท ซึ่งกองคลังจะเป็นผู้หักและนำส่งให้กับสหกรณ์ฯ ส่วนการให้บริการจะมีการให้บริการเฉพาะการกู้ยืมเงิน ในกรณีกู้ฉุกเฉินกู้ยืมได้ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแต่ไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนการกู้สามัญให้กู้ยืมได้ไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งก็ได้มีการดำเนินการให้บริการต่อเนื่องมา จนปี 2536 จึงได้มีการแก้ไขระเบียบของสหกรณ์ฯ ให้สามารถเปิดรับสมัครสมาชิกจากข้าราชการและลูกจ้างประจำในต่างจังหวัด ปัจจุบันสหกรณ์ฯมีสมาชิกเพิ่มจำนวนขึ้น มีการเพิ่มการให้บริการในด้านต่างๆ ทั้งการรับฝากเงินจากสมาชิกในรูปแบบต่างๆ โดยมีผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ และที่สำคัญสหกรณ์ฯมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงมากขึ้น อันเนื่องจากจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นและสมาชิกมีการสะสมเงินในรูปแบบของทุนเรือนหุ้นในอัตราที่สูงขึ้น มีการระดมเงินรับฝากจากสมาชิกเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญรายได้จากดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินของสมาชิก ที่กู้ยืมเพื่อนำไปใช้บรรเทาความเดือดร้อนและความจำเป็นของสมาชิกซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสหกรณ์
 
        เมื่อกรมสรรพากรถูกไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. 2535 เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรที่ได้รับผลกระทบได้แยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ตามสถานที่ต่างๆเป็นการชั่วคราว ส่วนหนึ่งไปปฏิบัติงาน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้บริหาระดับสูงและกองกฎหมาย กองคลัง กองฝึกอบรม กองการเจ้าหน้าที่ ไปปฎิบัติงานอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 ส่วนสหกรณ์ฯได้ย้ายสถานที่ทำงานชั่วคราวไปอยู่ ที่ตึกของกรมบัญชีกลาง บริเวณกระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 ซึ่งในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ต้องทำงานด้วยความยากลำบากเนื่องจากเอกสารต่างๆได้ถูกเผาไหม้ไปเกือบทั้งหมด แต่ยังโชคดีที่ในช่วงที่เกิดเหตุจราจลนั้นเป็นช่วงเดียวกับที่สหกรณ์กำลังจะจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบบัญชีปี 2534 จึงได้มีการเบิกเงินสดมาเตรียมไว้โดยเก็บรักษาไว้ในเซพของกองคลังซึ่งมิได้ถูกเผาไหม้ไปกับกองเพลิง ส่วนเอกสารการจ่ายเงินปันผลเจ้าหน้าที่โดยนางนิภา สุทธิวงค์ได้นำกลับไปตรวจสอบความถูกต้องที่บ้าน จึงทำให้ยังพอมีหลักฐานที่จะนำมาใช้เป็นข้อมูล นอกจากนี้ก็มีเอกสารส่วนอื่นๆ ที่เหลือจากการเข้าไปค้นหาในซากอาคารที่ถูกเผาไหม้ และการขอความร่วมมือจากสมาชิกที่มีเอกสารหลักฐาน อาทิ ใบเสร็จรับเงิน สัญญากู้ยืมมาใช้เป็นหลักฐานในการจัดทำข้อมูลใหม่ทั้งหมด
 
       ต่อมาเมื่อกรมสรรพากรได้ย้ายที่ทำการจากที่ต่างๆ มาอยู่รวมกันชั่วคราว ณ อาคารธนาคารทหารไทย จำกัด ถนนพญาไท เขตราชเทวี สหกรณ์ฯ ก็ได้ย้ายตามไป ณ อาคารธนาคารทหารไทยจำกัด เช่นเดียวกัน
       ในปี พ.ศ. 2540 กรมสรรพากรได้ย้ายที่ทำการใหม่ มาอยู่รวมกันเป็นการถาวร ณ อาคารกรมสรรพากร ซอยอารี แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร สหกรณ์ฯก็ได้ย้ายเข้ามาตั้งที่ทำการใหม่ โดยครั้งแรกใช้พื้นที่ ชั้น 6 ร่วมกับกองคลัง ต่อมาได้ย้ายลงมาตั้งสำนักงาน ณ อาคารสวัสดิการกรมสรรพากร(อาคารจอดรถ) โดยใช้พื้นที่บริเวณที่เป็นธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) สาขาย่อยกรมสรรพากรปัจจุบัน
       เมื่อธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ได้เข้ามาเปิดสาขาย่อยกรมสรรพากร สหกรณ์ฯ ก็ได้ย้ายมาตั้งสำนักงาน ณ ที่ตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกรมสรรพากรปัจจุบัน โดยได้มีการปรับปรุงตกแต่งสำนักงานให้ทันสมัยสวยงาม สะดวกในการให้บริการต่อสมาชิก
 
“เป็นสหกรณ์ชั้นนำ บริหารจัดการอย่างมืออาชีพด้วยหลักธรรมาภิบาล เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตแก่สมาชิก”
วันที่เขียนข่าว : 09 ธ.ค. 2562
ผู้เขียนข่าว : FSCT
แชร์ข่าว :  
 

 
 

 
Copyright ® 2007-2013 ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด.
199 หมู่ที่ 2 ถนนนครอินทร์ ตำบลบางสีทอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทร. 02 496 1199  แฟ็กซ์. 02 496 1177, 02 496 1188  อีเมล์ CONTACT@FSCT.COM